เดิมคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ ดำเนินการผลิตบัณฑิตแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่บริเวณโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยส่วนที่อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้เปิดสอนนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ ชั้นปีที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2502 ขณะนั้นนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ ชั้นปีที่ 1 และปีที่ 2 ต้องศึกษาอยู่ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ตั้งอยู่ในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาเป็นตึกของคณะศิลปกรรมศาสตร์ในปัจจุบัน) นอกจากเปิดสอนนักศึกษาแล้ว ยังให้บริการการตรวจทางห้องปฏิบัติการแก่ผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในของโรง พยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้านจุลทรรศน์ศาสตร์คลินิก, เคมีคลินิก (เป็นห้องปฏิบัติการกลางของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์) คณะแพทยศาสตร์ รพ. จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้โอนมาสังกัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ต่อมาใน พ.ศ. 2511 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีหนังสือที่ สร. 2001/237 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2511 ถึงมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "มหาวิทยาลัยมหิดล") ขอโอนคณะเทคนิคการแพทย์ส่วนที่ตั้งอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปรวม กับสาขาวิชาพยาธิวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อตั้งเป็นแผนกวิชาเวชศาสตร์ชันสูตร ซึ่งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ตอบว่าพร้อมที่จะโอนให้ พร้อมทั้งข้าราชการจำนวน 14 คน แต่เห็นว่าควรจะโอนไปเป็นคณะเทคนิคการแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาแพทยศาสตร์และสำนักนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้นมหาวิทยาลัยสังกัดอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี) หลายครั้ง แต่ยังไม่เป็นที่ตกลง แต่มีมติที่ประชุมร่วมของทั้งสองมหาวิทยาลัยให้มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์รับ นักศึกษา ชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2513-2514 จำนวน 70 คน โดยให้นักศึกษาจำนวน 30 คนสมัครใจไปศึกษาต่อชั้นปีที่ 3 ในส่วนที่อยู่บริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้มีการตราข้อบังคับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่าด้วยการจัดเพิ่มแผนก วิชาในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2514 ขึ้น เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2514 ข้อ 3 ให้เพิ่มแผนกวิชาในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ แผนกวิชาเวชศาสตร์ชันสูตร โดยเหตุผล "คณะต่างๆในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นต้องประกอบด้วยหลายแผนกวิชา เมื่อแผนกวิชาที่จัดตั้งใหม่นี้มีความพร้อมดีแล้ว จึงค่อยดำเนินการจัดตั้งเป็นคณะต่อไป"
ได้มีการปฏิวัติการปกครองแผ่นดินขึ้น และได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 22 ธันวาคม 2514 ให้โอนคณะเทคนิคการแพทย์ รพ. จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหิดล ไปเป็นแผนกวิชาเวชศาสตร์ชันสูตร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีหน้าที่จัดการเรียนการสอนนิสิตเทคนิค การแพทย์, สอนวิชาพยาธิวิทยาคลีนิก แก่นิสิตแพทย์และดำเนินการบริการทางห้องปฏิบัติการแก่ผู้ป่วยนอก-ในของโรง พยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีบุคลากรที่มาจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วยข้าราชการจำนวน 18 คน ลูกจ้าง 7 คน จากหน่วยวิชาพยาธิวิทยาคลีนิก ภาควิชาพยาธิวิทยา 5 คน และได้บรรจุหน่วยวิชาเทคนิคการแพทย์ไว้ในแผนพัฒนาการศึกษาของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยแล้ว ระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ 2515-2519) ข้อ 3.2 โครงการใหม่ ประเภท ก. เรื่องการจัดตั้งคณะและหน่วยวิชาการ เพื่อเปิดสอนกลุ่มวิชาเพิ่มเติมจากจำนวนที่มีอยู่เดิมโดยขยายงานจากแผนก หรือภาควิชาที่ดำเนินงานมาแล้ว หรือรับโอนจากสังกัดอื่นหรือตั้งขึ้นใหม่ตามความเหมาะสมและจำเป็น (ดูเอกสารโครงการพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2515-2519 โครงการเทคนิคการแพทย์) พร้อมๆ กับโครงการตั้งคณะนิติศาสตร์, คณะนิเทศศาสตร์คณะทันตแพทยศาสตร์, คณะเภสัชศาสตร์
ต่อมาคณะกรรมการวิชาการแผนพัฒนาการศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2515-2519) ได้มีการประชุมและตกลงให้มีการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ระยะที่ 4 ดังนั้นใน พ.ศ. 2518 คณะแพทยศาสตร์ (ศ. นพ. สมัค พุกกะณะเสน เป็นคณบดี) ได้มีหนังสือที่ 52/2518 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2518 เรื่องแต่งตั้งอนุกรรมการร่างโครงการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ขึ้นโดยมี ศ. นพ. เชวง เดชะไกศยะ เป็นประธานได้ร่างโครงการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์เพื่อเสนอในแผนพัฒนาการศึกษาระยะที่ 4 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2520-2524) ซึ่งปรากฏว่าไม่ได้รับพิจารณาบรรจุไว้
คณะแพทยศาสตร์ (ศ. นพ. ศริพร วณิเกียรติ คณบดี) มีคำสั่งที่ 84/2521 ลงวันที่ 1 กรกฏาคม 2521 แต่งตั้งคณะทำงานขอข้อมูลเรื่องการศึกษาสาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคม ระยะที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ได้เสนอโครงการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์อีกครั้งหนึ่ง แต่ได้รับการบรรจุเข้าแผนพัฒนาฯ ให้ดำเนินการจัดตั้งเป็นภาควิชาเทคนิคการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ต่อมาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีคำสั่งที่ 294/2524 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2524 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดตั้งภาควิชาเทคนิคการแพทย์ เพื่อให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระยะที่ 5 โดยรองศาสตราจารย์นายแพทย์ ยาใจ ณ สงขลา คณบดีคณะแพทยศาสตร์
คณะ กรรมการประกอบด้วย รองคณบดีฝ่ายงานแผนและพัฒนา รศ. นพ. ศีลวัต อรรถจินดา เป็นประธานกรรมการ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ รศ. นพ.ดิลก เย็นบุตร รศ. นพ. ศุภวัฒน์ ชุติวงศ์ รศ. นพ. เฉลิม วราวิทย์ ศ. นพ. เชวง เดชะไกศยะ เป็นกรรมการ และ ผศ. นิภา ศาสตรสาธิต เป็นกรรมการและเลขานุการ ของโครงการจัดตั้งเทคนิคการแพทย์ คณะกรรมการได้ดำเนินการพิจารณาและได้นำเสนอโครงการนี้ไปตามขั้นตอนจนถึง ทบวงมหาวิทยาลัย ต่อมากองแผนงาน ทบวงมหาวิทยาลัยได้มีหนังสือที่ ทม. -3-0204/14388 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2526 แจ้งว่า คณะกรรมการทบวงมหาวิทยาลัยได้มีมติให้การประชุมครั้งที่ 6/2526 วันที่ 9 มิถุนายน 2526 เห็นชอบในการจัดตั้งภาควิชาเทคนิคการแพทย์ ในคณะแพทยศาสตร์ และมีประกาศของทบวงมหาวิทยาลัย เรื่องการแบ่งส่วนราชการในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2527 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 101 ตอนที่ 88 ลงวันที่ 10 กรกฏาคม 2527 มีภาควิชาเทคนิคการแพทย์อยู่ลำดับที่ (8) และให้มีการแบ่งข้าราชการ ลูกจ้างประจำตามความสมัครใจเป็น 2 ภาควิชา ได้มีเงื่อนไข ให้ห้องปฏิบัติการกลางและบุคลากรที่สังกัดสภากาชาดไทยทั้งหมดอยู่กับภาค วิชาเวชศาสตร์ชันสูตร
ต่อ มาคณะแพทยศาสตร์ (โดย รศ. นพ. ยาใจ ณ สงขลา เป็นคณบดี) มีคำสั่งที่ 19/2527 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธุ์ 2527 แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำโครงการการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) ประธานกรรมการ คือ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ (เนื่องจาก รศ. นพ. ศีลวัติ อรรถจินดา รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาได้ขอลาออก) และมี ผศ. นิภา ศาสตรสาธิต เป็นกรรมการและเลขานุการดังเดิม) คณะกรรมการได้ดำเนินการประชุมเพื่อพิจารณาร่างโครงการการจัดตั้งคณะเทคนิค การแพทย์ตลอดมา ผลของการดำเนินการครั้งนี้ได้รับพิจารณาว่าประเด็นสำคัญในการให้บริการด้าน สุขภาพและอนามัยของประชาชน คือ การให้ความรู้และบริการอย่างเพียงพอ
มหาวิทยาลัยเห็นว่า คณะใหม่ควรจะประกอบด้วยหลายสาขาวิชา คณะกรรมการจึงได้พิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมว่าควรจะมีสาขาวิชาที่เป็นกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพอยู่ด้วยกัน เช่น สาขาวิชากายภาพบำบัด สาขาวิชารังสีเทคนิค เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงสมควรพิจารณาในเรื่องชื่อของคณะด้วย จึงได้เรียนเชิญ รศ. นพ.ทองจันทร์ หงส์ลดารมย์ มาร่วมพิจารณาด้วย ได้นำเสนอชื่อคณะหลากหลาย ในที่สุด
คณะเห็นชอบว่าสมควรจะเป็นชื่อ "คณะสหเวชศาสตร์" จะเหมาะที่สุดและใช้ชื่อทางภาษาอังกฤษว่า "The Faculty of Allied health Science"
ผู้บริหารคณะแพทย์ศาสตร์ได้บริการมาจนครบวาระ จึงได้มีการสรรหาคณบดีใหม่ ผลปรากฏว่า ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ได้รับการสรรหา เป็นคณบดีท่านต่อมา
คณะ แพทยศาสตร์จึงได้มีประกาศลงวันที่ 18 เมษายน 2529 แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดตั้งคณะสหเวชศาสตร์ ตามมติคณะกรรมการประจำคณะในการประชุมครั้งที่ 4/2529 วันที่ 7 มีนาคม 2529 คณบดีเป็นประธานกรรมการ ผศ. นิภา ศาสตรสาธิต เป็นกรรมการและเลขานุการ มีฝ่ายวางแผนและพัฒนาจุฬาลงกรณ์ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบระยะเวลาของโครงการ พ.ศ. 2530-2534 ที่ตั้งของโครงการ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะของการจัดตั้งคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อรับผิดชอบในการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ จำนวนปีละ 60 คน สาขาวิชากายภาพบำบัดจำนวนปีละ 30 คน สาขาวิชารังสีเทคนิคจำนวนปีละ 30 คน และจะต้องเพิ่มจำนวนการผลิตบัณฑิตขึ้นอีกตามความต้องการของประกาศในด้านการ พัฒนาสาธารณสุข
ในแผนพัฒนาฯ ระยะที่ 6 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กำหนดพื้นที่สำหรับก่อสร้างอาคารคณะ สหเวชศาสตร์ไว้ในบริเวณของกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ต่อมาคณะผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ครบวาระ จึงได้มีการสรรหาคณบดี ผลปรากฏว่า รศ. นพ. บรรเทอง รัชตะปิติ ได้รับการสรรหาเป็นคณบดีคนต่อมาและมีประกาศคณะแพทยศาสตร์ ลงวันที่ 8กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดตั้งคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อให้เสร็จสิ้นภายในแผนพัฒนาระยะที่ 6
ในการประชุมของคณะกรรมการทบวงมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 6/2533 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 253ได้มีมติเห็นชอบในการจัดตั้งคณะสหเวชศาสตร์
ดังนั้นจึงมีพระราชกฤษฏีกา จัดตั้งคณะสหเวชศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2534 ลงในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 108 ตอนที่ 199 หน้า 64-65 วันที่ 15 พฤศจิกายน 2534 ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฏีกาฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแยกภาควิชาเทคนิคการแพทย์ในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทบวงมหาวิทยาลัย ออกมาจัดตั้งเป็นคณะสหเวชศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการผลิตบัณฑิต การวิจัย และการบริการในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพสาขาต่างๆ และโดยที่มาตรา 9 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2522 บัญญัติให้การจัดตั้งคณะต้องตราเป็นพระราชกฤษฏีกา จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฏีกานี้
ทบวงมหาวิทยาลัยมีประกาศที่ ทม. 0204/33395 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2534 และประกาศทบวงมหาวิทยาลัย เรื่องการแบ่งส่วนราชการในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2534 โดยมีสาขาสำคัญของการแบ่งส่วนราชการแบ่งส่วนราชการของคณะสหเวชศาสตร์ดังนี้